วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

ประสบการณ์แย่ๆ บนรถเมล์

จริงๆแล้วไม่รู้จะตั้งชื่อเรื่องว่าอะไรดี เพราะมันคลุมเครือว่าประสบการณ์ที่ดิฉันเจอมานั้น มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่ งั้นลองอ่านกันเลยแล้วช่วยตัดสินกันทีว่า ไอ้แบบเนี้ย มันควรจะถูกเรียกว่าเรื่องอะไร ระหว่าง
1. ใครให้เธอช่วย!
2. ช่วยไม่ได้ไม่ชินกับคำว่า"น้ำใจ"ในสังคมเรา

ภายในอาทิตย์เดียวกันเจอสองเรื่อง เลยเริ่มรู้สึกงงๆกับสังคมเราทุกวันนี้เหมือนกัน

เรื่องแรกน่ะ คือว่าเรานั่งรถเมล์เพื่อไปธุระ รถแอร์แบบรุ่นใหม่ ด้านหน้าๆ จะเป็นแบบนั่งเรียงกันได้ประมาณห้าคน เราก็ไปนั่งตรงนั้น ทีนี้ถึงประมาณครึ่งทางได้ มีแม่ลูก เด็กผู้หญิงอายุน่าจะประมาณ 5-6ขวบได้ แม่ก็ไม่น่าเกินสี่สิบ ขึ้นมาแต่ไม่ได้ยืนตรงหน้าเรา แต่เกาะเสาไว้ ไอ้เราเห็นก็เป็นห่วงเด็กว่าถ้ารถเบรค อาจจะล้มลงได้ เพราะที่จับไม่ถนัดเอาซะเลย ก็เลยสะกิดแม่เด็กแล้วลุกเพื่อให้เด็กนั่ง สายตาแม่เด็กเอง ก็ไม่ได้ยิ้มหรือพูดอะไรขอบคุณซักนิดก็ไม่มี อันนั้นมันยังไม่เท่าไหร่ ที่รู้สึกแย่กว่าก็คือ ตอนที่เราลุกให้เด็กนั่งเนี่ย รถมันเบรคพอดี เราก็ไม่มีที่จับ ถือถุงผ้าใส่หนังสืออีกมือนึงด้วย ก็แทบจะหน้าคว่ำน่ะค่ะ แต่แม่ของเด็กคนนั้นถ้าเอามือมาช่วยประคองเราไว้ จะไม่รู้สึกแย่อย่างนี้เลย เพราะเราห่วงลูกเขาเราเลยลุกให้นั่ง หน้าเราเกือบคว่ำ แม่เด็กเองไม่ได้มีน้ำใจอะไรเลย

เราจำได้ดี ตอนเด็กๆ ขึ้นรถเมล์กับแม่ ผู้ใหญ่จะลุกให้นั่งเสมอ แม่เราเองก็จะบอกว่าให้ขอบคุณแล้วไหว้ด้วย ซึ่งเราอาจจะคาดหวังในสิ่งนั้นเกินไป สังคมเราเปลี่ยนไปแล้ว หรือว่าขึ้นอยู่กับนิสัยมารยาททางสังคมของตัวบุคคลเอง ใครมีประสบการณ์ประมาณนี้บ้างค่ะ

อีกเรื่องนึง เราเห็นคนนั่งหลับแล้วมือถือกับเศษเหรียญเข้าตกลงมาที่พื้นรถเมล์ คนข้างหลังหรือข้างๆ เองต่างก็มองแต่ก็ไม่ได้ปลุกคนนั้นให้ตื่น เราก็เลยเอื้อมไปเรียก บอกว่าของของเขาตก
อีกแล้วครับท่าน พี่คนนั้นพอตื่นมาเก็บของที่ตกแล้วก็นั่งเงียบ สายตาไม่ได้มีบอกว่า ขอบคุณเลย นั่นก็โอเคเพราะเริ่มชิน แต่ที่โมโหขึ้นมาเพราะว่า มันยังมีเหรียญบาทตกอยู่เหรียญนึง ซึ่งเราก็ไม่เห็นหรอก แต่อยู่ดีๆ กระเป๋ารถก็ส่งมาให้เราแล้วถามว่า "ของพี่หรือเปล่า" เราก็บอกว่าไม่ใช่ คงเป็นของคนนั้น (ที่ทำของตก) กระเป๋ารถเมล์ก็เลยเรียกแล้วยื่นคืนให้ เสร็จแล้วก็พูดขึ้นมาว่า คนสมัยนี้ไม่มีน้ำใจรู้ว่าเงินเขาตก ก็ไม่ยอมเก็บให้ อ้าว....ทำไมถึงพูดอย่างนี้น่ะ

คือทั้งสองเรื่องนี้ ประเด็นไม่ใช่เรื่องว่าเราต้องการคำ ขอบคุณ เพราะเราว่ามันน้อยมากในสังคมเมืองทุกวันนี้ แต่อย่างน้อย รอยยิ้ม นิดนึง ที่เราว่ามันไม่น่าจะยากเกินไป

พอเราเจอสองเรื่องนี้เข้าภายในอาทิตย์เดียว เราตัดสินใจไม่นั่งรถเมล์อีกเลย ยอมเปลืองค่าน้ำมันรถน่ะดีแล้ว ดีกว่าเราต้องเสียความรู้สึกอะไรบ้าๆอย่างงี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น